Berliner Unterwelten

23 มีนาคม 2015

ดังที่กล่าวไปในเอ็นทรีที่แล้ว

ในที่สุด ฉันก็ได้มาเยือน Berliner Unterwelten หรือ Underworld Museum เสียที

ฟังแค่ชื่อก็น่าตื่นเต้นแล้วใช่ไหมคะ ชื่อดาร์คได้ใจมากๆ

Berliner Unterwelten เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับชีวิตประชาชนชาวเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ค่ะ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะไม่สามารถเข้าชมเองได้ ต้องเข้าไปเป็นกลุ่มโดยมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นไกด์ให้ความรู้นำทางเข้าไปค่ะ ดังนั้นเรื่องเวลาจึงสำคัญมาก

สถานที่ก็หาง่ายมากค่ะ ลงรถไฟที่สถานี Gesundbrunnen บนป้ายบอกทิศทางในสถานีจะมีคำว่า Unterwelten Museum อยู่ เดินตามลูกศรมาได้เลยค่ะ ออกมานอกสถานีปุ๊บ หันมองทางขวามือ ออฟฟิศขายตั๋วอยู่ติดทางเข้าสถานีเลย เป็นห้องกระจกค่ะ เข้าไปต่อคิวซื้อตั๋วโลด พนักงานขายตั๋วน่ารักเป็นมิตรมาก

น้อง M เคยแนะนำตั้งแต่คราวที่แล้วว่าให้ลองมาเยือนสักครั้ง เพราะจะได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากมาย

แต่รู้ไหมคะ… นี่ก็เป็นอีกสถานที่ที่ฉันมาทีไรก็มีปัญหา

ครั้งแรก…

ไม่รู้เวลาของรอบภาษาอังกฤษ นั่นไม่เสียเที่ยวเท่ากับมาถึง ปรากฏว่าไม่มีรอบภาษาอังกฤษอีกแล้วในวันนั้น

ครั้นจะเข้าร่วมรอบภาษาเยอรมัน หวังจะฝึกภาษา พนักงานขายตั๋วก็แนะนำว่า “เนื้อหามันละเอียดอ่อนมาก ต่อให้คุณรู้ภาษาเยอรมัน แต่ถ้าคุณไม่เก่งเท่าเนทีฟ ก็ไม่แนะนำให้เข้าไปฟังค่ะ มันยากจริงๆ นะ”

รู้สึกขอบคุณพนักงานขายตั๋วจริงๆ เพราะเอาเข้าจริง ขนาดฟังภาษาอังกฤษก็ยังรู้สึกว่ามันแอบยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุโรปน้อยมากอย่างฉัน

หลังจากนั้นก็ได้รับโบรชัวร์มา ซึ่งพนักงานบอกว่าให้ตรวจสอบรอบภาษาอังกฤษทางเว็บไซต์

ครั้งที่สอง…

ด้วยความสัตย์จริง… เช็คมาไม่ตรงกับรอบจริงอีก ไม่รู้อันไหนไม่อัพเดท หรือฉันทำผิดพลาดตรงไหนกันแน่

ไปถึง มีรอบภาษาอังกฤษค่ะ แต่ฉันเข้าร่วมไม่ได้ เพราะ…

รองเท้าไม่เหมาะสม… แป่ววววว!!!

สำหรับเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ดีที่สุดคือรองเท้าผ้าใบค่ะ และต้องเป็นรองเท้าผ้าใบแบบใส่เล่นกีฬานะ

ส่วนวันนั้นฉันใส่รองเท้าผ้าใบแฟชั่น เป็นผ้าใบส้นสูงไปค่ะ

ใช่ว่าเข้าร่วมไม่ได้ แต่โปรแกรมทัวร์ภาษาอังกฤษในวันนั้น เป็นทัวร์ที่มีการวิ่ง การจำลองการหนี ต้องลุยๆ หน่อย ดังนั้นต่อให้เป็นผ้าใบ แต่เสริมส้นสูงก็ไม่ผ่านค่ะ

ถ้าเข้าไปดูในเว็บไซต์ http://berliner-unterwelten.de/ จะพบว่ามีหลายทัวร์ค่ะ ทัวร์พื้นฐานคือ “Tour 1” ซึ่งใส่รองเท้าอะไรก็ได้ ยกเว้นส้นสูง เพราะสถานที่ค่อนข้างสลัวและมีขั้น มีบันไดพอสมควร แต่ไม่มีการวิ่ง ไม่มีการลุย

ส่วนทัวร์อื่นๆ ต้องลองเช็คในเว็บไซต์ดูนะคะ

ครั้งที่สาม…

มาทันรอบแล้ว รองเท้าโอเคแล้ว (จริงๆ เล็ง Tour 1 ไว้ค่ะ รองเท้าจึงไม่มีปัญหาอีกแล้ว) แต่… ตั๋วหมด!!!

ด้วยคิดว่ามาก่อน 15 – 30 นาทีก็คงทัน แต่หารู้ไม่ว่า…… ตั๋วเต็มเร็วมากค่ะ

เนื่องจากแต่ละรอบจำกัดจำนวนคน คนที่ไม่เคยไปไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะไม่มีใครเคยเห็นสถานที่ อาจจะนึกภาพไม่ออกกัน มันก็ย่อมจินตนาการพลาดบ้างเป็นธรรมดา

ฉันอาจประมาทเพราะขึ้นมาจากสถานี Gesundbrunnen ทีไร ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่บ๊ะเร่อมายืนออรอไกด์อยู่ตรงหน้าสถานี เลยประมาทว่าคงไม่ได้จำกัดที่ บวกกับไม่คิดว่าจริงๆ แล้วมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว “ยอดฮิต” ที่หนึ่งของเบอร์ลินเลยก็ว่าได้ค่ะ

เอาเข้าจริงนะคะ… กรุ๊ปใหญ่นั่นน่ะ เป็นทัวร์หมายเลขอื่นค่ะ บางทีก็เป็นกรุ๊ปพิเศษอย่าง เช่น กลุ่มนักเรียน หรือกลุ่มเฉพาะที่มาด้วยกัน แต่กรุ๊ปนักท่องเที่ยวทั่วไป Tour 1 มีแค่ราวๆ 20 คนเองมั้ง (นับแบบมั่วๆ นะคะ) เพราะสถานที่เล็กและแคบมาก เข้าไปอัดกันในแต่ละห้องมากกว่านั้นไม่ไหวหรอก

เอาเป็นว่า แนะนำให้ไปก่อนเวลาทัวร์สัก 1 ชั่วโมงค่ะ

เสียเวลาโดยสูญเปล่าไป 3 ครั้ง ครั้งนี้ต้องไปแก้มือค่ะ!!!

แล้วคิดดูสิคะ อุตส่าห์ถ่อไปเป็นครั้งที่ 4 แบบเตรียมตัวมาอย่างดี แล้วยังอุตส่าห์มีอุปสรรคอย่างที่เล่ามาในเอ็นทรีที่แล้ว ทำให้เกือบเสียตังฟรีโดยไม่ได้เข้าอีก… เกือบทำเพื่อนเสียเงินฟรีไปด้วย โชคดีนะที่ตัดสินใจเข้าไปคุยกับพนักงานขายตั๋ว และเขาก็อุตส่าห์ให้คนออกมารับพาเราเข้าพิพิธภัณฑ์จนได้ สรุปว่าสายไปราว 15 นาทีค่ะ

เป็นลางสังหรณ์ตั้งแต่วางแผนจะมาแล้วสินะ -_-”

มาดูครั้งที่ 4 กันบ้าง…

#ล้างอาถรรพ์

ฉันจะไม่เล่าความโชคร้ายในเอ็นทรีก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ก่อนอื่นเลยค่ะ ต้องขอบคุณพนักงานโรงแรมที่ช่วยตรวจสอบข้อมูลให้ฉันก่อนมา

เนื่องจากฉันเข้าไปดูในเว็บไซต์อีกครั้ง ก็พบว่ามีบางทัวร์ที่ต้องเตรียมไฟฉาย และอุปกรณ์บางอย่างเป็นพิเศษไปด้วย ฉันไม่อยากเสียเที่ยวอีกแล้ว จึงสงสัยว่าถ้าฉันจะร่วม Tour 1 ต้องมีอุปกรณ์เหล่านั้นหรือไม่ ถ้าเตรียมไม่ทันก็จะได้ยกเลิก

ที่สำคัญ… กลัวหนาวค่ะ (กลัวเสื้อเลอะด้วย) ในข้อมูลบอกไว้ว่าเนื่องจากสถานที่อยู่ใต้ดิน จึงอุณหภูมิต่ำกว่าด้านนอก แต่ก็ลืมดูตัวเองทุกครั้งว่าเป็นมนุษย์ขี้ร้อน ตราบใดที่ฝนไม่ตกในหน้าหนาว เดินๆ อยู่ก็เหงื่อแตกจนอยากถอดเสื้อโค้ตได้ ทั้งที่หายใจออกมาเป็นควัน

สรุปว่า… Tour 1  ไม่เข้มงวดเรื่องเสื้อผ้า (อย่ากรุยกรายมากก็พอ) ไม่เข้มงวดเรื่องรองเท้า (อย่าส้นสูงก็พอ) และไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษใดๆ เข้าไปแต่ตัวและกระเป๋าใบเล็กๆ เป้สะพายหลังก็ห้ามใหญ่

ส่วนใครสนใจทัวร์อื่น ก็เช็คข้อมูลดีๆ นะคะ ล่าสุดฉันเข้าไปดูพบว่ามันละเอียดและชัดเจนขึ้นกว่าที่เคยเช็คก่อนหน้านี้แล้ว

เข้าไปข้างใน “ห้ามถ่ายรูป” และ “ห้ามแตะต้องสิ่งใดๆ” ค่ะ ดังนั้นเอ็นทรีนี้จึงไม่มีรูป ไปสูบบรรยากาศจริงเอาเองนะคะ

เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์มารับพวกเราสองสาว แล้วพาลงบันได จากนั้นก็… เปิดประตูลับค่ะ

กรีดร้อง… ในสถานีรถไฟใต้ดิน พิพิธภัณฑ์ที่เป็นสถานที่แบบนี้ เก๋กู้ดมากๆ

แน่นอนค่ะว่ามันไม่ได้สวยหรู เป็นทางแคบๆ เราก็ไปรวมกลุ่มกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว (ก็สายนี่คะ!!! แหง่มๆๆ)

โชคดีที่การทัวร์ยังไปไม่ถึงไหนค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ฟังการอารัมภบทของคุณไกด์

ภายในเป็นห้องเล็กๆ ที่เกิดจากการเป็นโครงสร้างของรถไฟใต้ดินมาก่อนค่ะ

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวเบอร์ลินส่วนหนึ่งใช้ที่นี่เป็นหลุมหลบภัย โครงสร้างของที่นี่แข็งแรงมาก มันจึงรอดสงครามมาได้ แต่กระนั้น… เนื่องจากเป็นหลุมหลบภัยของประชาชนตาดำๆ ธรรมดา มันจึงไม่กันระเบิดค่ะ ต้องบอกว่าเดชะบุญที่ตรงนี้ไม่โดนระเบิด จึงยังหลงเหลือซากชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนภายหลังสงคราม

ในพิพิธภัณ์เน้นไปในเชิงการจัดแสดงค่ะ ดังนั้นแน่นอนว่าของที่นี่ไม่ใช่สภาพเดิม 100% แต่ถูกโซนนิ่งขึ้นมาใหม่เพื่อความเหมาะสมในการเปิดให้เยี่ยมชมและให้ความรู้

หลายๆ ห้องถูกจำลองขึ้นมาใหม่ค่ะ ทั้งห้องนอน สุขา ห้องพยาบาล มีการอธิบายชีวิตความเป็นอยู่ทั้งระหว่างสงครามและหลังจากจบสงครามด้วย… จะว่าหดหู่ก็หดหู่นะคะ ยิ่งพอจินตนาการว่าเราต้องไปเกิดในยุคนั้น… โห… ไม่อยากให้มีสงครามอีกเลยในอนาคต มันแร้นแค้น ลำบากลำบนมากเลยทีเดียว

จินตนาการนะคะ… เราต้องอยู่แออัดกับคนอีกหลายร้อยคนโดยไม่ได้อาบน้ำ ต้องนอนจมอยู่กับอุจาระปัสสาวะที่ไม่ใช่แค่ของเรา ต้องดื่มกินอย่างจำกัดจำเขี่ย อาหารก็หายาก ต้องตุนไว้โดยไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ บางทีก็ต้องกินของบูด ของหมดอายุอย่างช่วยไม่ได้ ไม่มีไฟ ก็ต้องดัดแปลงหาความร้อนจากซากระเบิด ซึ่งก็เสี่ยงกับการตู้มต้ามของมันอีก

นี่ยังไม่นับสุขภาพจิตที่ต้องคอยหวาดระแวงไม่รู้เสียงหวอเตือนภัยจะดังขึ้นเมื่อไหร่ และจะมีโอกาสได้ยินมันอีกกี่ครั้ง… ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตายหมู่รึเปล่า

อย่างไรก็ตาม มันก็มีความสนุกอยู่เช่นกันค่ะ มีห้องหนึ่งซึ่งจำลองระบการขนส่งข้อมูลที่มีความฉับไวมากในยุคนั้น เรียกว่าเป็นต้นแบบของการส่ง SMS ทางมือถือในปัจจุบันเลยก็ได้ โดยการส่งข้อความนี้จะวนรอบเบอร์ลินใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูง เรียกว่าผลประโยชน์ที่ได้จากสงครามก็คือเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว

…แต่ฉันก็ยอมอยู่แบบโลวเทค สโลว์ไลฟ์นะ เทคโนโลยีดีเลิศแค่ไหน ถ้าต้องเอาชีวิตคนไปสังเวยแบบนั้น ฉันก็ขยะแขยง เพราะผลกรรมนี้รึเปล่า? ผลกรรมที่เราตักตวงประโยชน์จากชีวิตคนในอดีต สังคมปัจจุบันมันถึงได้ไม่สงบสุข มีกิเลสใหม่ๆ ความโลภใหม่ๆ และคนไร้จิตสำนึกกันมากขึ้น?

บอกเลยว่าใครที่จะมาเที่ยวที่นี่ต้องวางแผนดีๆ นะคะ ถึง Berliner Unterwelten จะไม่ใหญ่มาก แต่เนื้อหาค่อนข้างเยอะ และได้สาระจริงจัง ดังนั้นนอกจากเผื่อเวลามาซื้อตั๋วแล้ว ยังต้องเผื่อเวลาชมพิพิธภัณฑ์ด้วย ตีไว้ว่า 2 ชั่วโมง – 2 ชั่วโมงครึ่งไปเลย (แล้วแต่ทัวร์)

สำหรับฉัน เข้าไปแรกๆ ยังอารมณ์ขุ่นมัวเรื่องตั๋วรถไฟและมาสายอยู่ สมาธิเลยไม่ค่อยอยู่กับตัว เข้าหัวบ้างไม่เข้าหัวบ้าง แต่หลังๆ เริ่มอิน เผลอแป๊บเดียวหมดคอร์สแล้ว นึกว่าแค่ชั่วโมงเดียว ที่ไหนได้ ผ่านไปตั้ง 2 ชั่วโมง

แอบขำตรงที่เข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องที่ทาสีขาวค่ะ (ห้องส่วนใหญ่ โดยเฉพาะห้องที่ต้องเป็นทางสัญจรจะทาด้วยสีขาว เพราะเวลาหลบภัยจะใช้ไฟและไฟฟ้าไม่ได้ สีขาวจะเรืองในความมืด ทำให้มองเห็นสลัวๆ แต่ชัดเจนดีค่ะ) คุณไกด์ก็คงเห็นแหละ ว่าฉันเป็นเอเชียคนเดียวในกลุ่ม เขาก็เลยกะเรียกไปเป็นอาสาสมัครร่วมกิจกรรมหน้าห้อง โดยพูดว่า “ในนี้มีคนจีนตัวเล็กๆ เหมือนตุ๊กตาบ้างไหมครับ ออกมาช่วยผมสาธิตข้างหน้าหน่อย”

เงียบสิคะ… ก็ไม่ใช่คนจีน แต่เห็นอยู่ว่าฮีเล็ง

ครั้นจะบอกว่าคนไทยค่ะ ก็ดูเหมือนเสนอตัวมากเกินไป

สุดท้ายคุณไกด์ก็เลยเชิญผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าออกไปแทน

ตอนนั้นเป็นการอธิบายการสร้างข้อความบนกำแพงโดยที่ไม่ต้องใช้ปากกามาขีดเขียนค่ะ มีเพียงไฟฉายก็บันดาลกำแพงขาวๆ ในความมืดเป็นไวท์บอร์ดได้ แถมข้อความยังอยู่ได้ในระยะเวลาหนึ่ง แล้วก็หายไปแบบไร้ร่องรอยหลักฐาน

…ใครเรียนสายวิทย์คงเดาออกนะคะ ฉันไม่บอกในนี้หรอก จะเอาไปเป็นข้อมูลเขียนนิยาย คริๆ

ส่วนใครอยากรู้เชิญหาคำตอบเอาเองค่า

สุดท้าย ฉันต้องขอบคุณน้อง M ที่แนะนำที่นี่มา และขอบคุณโชคชะตาที่ไม่กลั่นแกล้งให้ฉันเสียเที่ยวอีกครั้ง

แนะนำว่าใครมาเยือนเบอร์ลินและพอมีเวลา (มีความสนใจในประวัติศาสตร์แม้เพียงเล็กน้อยเป็นทุนเดิม หรือชอบเข้าชมพิพิธภัณฑ์) ที่ Berliner Unterwelten ก็เป็นอีกที่ที่มาสัมผัสดูเถอะค่ะ

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมต้องรีบมาจองตั๋วก่อนถึง 1 ชั่วโมง

หลังจากเสร็จภารกิจที่ Berliner Unterwelten แล้ว เราก็กลับที่พัก ซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน Wok To Walk มากินด้วยความเร็วสูง แล้วเตรียมตัวไปดูคอนเสิร์ตต่อค่ะ

รีวิวคอนเสิร์ตที่เบอร์ลิน ติดตามได้ ที่นี่ ค่ะ

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.