10 มิถุนายน 2019
อีกไม่กี่วันก่อนจะหมดงาน เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอยากมางานนี้ตั้งแต่โปรโมทใหม่ๆ แต่หาเพื่อนไปไม่ได้เสียที (ความตั้งใจคืออยากถ่ายรูป เลยรอคนไปด้วยนั่นแหละ) แต่สุดท้ายก็คิดได้ว่ามันไม่ใช่งานฟรี ค่าเข้า 350 บาท คงไม่มีคนรอบข้างไปด้วยแน่ๆ เพราะคนสนใจงานแบบนี้รอบตัวก็ใช่ว่าจะเยอะ แถมคนที่อยากไปก็เวลาว่างไม่ตรงกัน อย่ากระนั้นเลย ฉายเดี่ยวแล้วหาทางเฟี้ยวแบบโซโลเอา
การเตรียมตัว: เสื้อขาวเลยค่า เพราะตั้งใจแล้วว่าอยากถ่ายรูปแนวถูกย้อมตัวด้วยงานศิลปะ ก็ขาวโลด
จาก Neue Kammern ก็เดินจ้ำอ้าวมารอคิวเข้าชมภายใน Schloss Sanssouci
ระหว่างรอยังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย ก็ถ่ายรูปบริเวณรอบๆ
3 June 2014
ย้อนกลับมาที่เยอรมนี…
อัพปารีสเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่ายังบันทึกเกี่ยวกับเยอรมนีไม่หมดเลย แถมพลาดที่นี่ไปได้ไง… Potsdam
เกริ่นก่อนว่า กว่าจะได้มาเมืองนี้ อุปสรรคมากหลาย
แรกว่าจะมาเที่ยวพร้อมกับเพื่อนรุ่นพี่ที่อยู่ใกล้ๆ Brandenburg แต่นัดกันไปนัดกันมาก็แคล้วคลาดกันทุกครั้ง จนใกล้จะถึงวันบ๊ายบายเยอรมนี ฉันจึงตั้งใจว่าไปคนเดียวแล้วกัน กลัวไม่ได้ไป แต่… ตัดสินใจจะไปทีไร ฝนตกทุกที
จนกระทั่งวันนี้… ในที่สุดก็มา
เนื่องจากใกล้กับเบอร์ลินมาก เดินทางราวชั่วโมงกว่าๆ จึงสามารถไปแบบเช้าเย็นกลับได้ กระนั้น กว่าจะไปถึงก็ปาเข้าไปเที่ยงแล้ว เหอๆๆๆ
ใช้ตั๋วเดือน (โซน A-B) แล้วไปซื้อตั๋วเพิ่มระหว่างทางต่อไปอีกนิดเดียว
Potsdam เป็นเมืองหลวงของรัฐ Brandenburg
เนื่องจากเคยเป็นเมืองที่ประทับของกษัตริย์แคว้นปรัสเซียและจักรพรรดิเยอรมันมาก่อน ทำให้เมืองนี้เจริญรุ่งเรืองและเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมงดงามอลังการ ไฮไลต์ที่เป้นภาคบังคับของที่นี่ ก็คงไม่พ้นพระราชวังไกลกังวล เอ๊ย พระราชวังซองซูซี Schloss Sanssouci (ภาษาฝรั่งเศสมันแปลว่าอย่างนั้นอ่า) ที่เลื่องลือ Continue reading
4 มิถุนายน 2014
#เอ็นทรีสาดรูป
น้อง M เคยบอกฉันว่า ถ้ามาเบอร์ลิน มีเวลาเที่ยวน้อย ให้ตามรอยรถบัสหมายเลข 100 ถูกกว่า Stadtrundfahrt (ชุ-ตัดทฺ-รุนดฺ-ฟาร์ท = รถท่องเที่ยวที่วิ่งรอบเมือง) มาก แถมยังแวะจุดท่องเที่ยวสำคัญครบถ้วน ด้วยค่ารถต่อการขึ้นเพียง 2.7 ยูโร หรือถ้าเป็นตั๋ววันก็ 6.9 ยูโรเท่านั้น ในขณะที่รถท่องเที่ยวราคาสิบกว่ายูโร
(ฉันขอยกเว้นคนที่อยากนั่งกินลมชมบรรยากาศแบบกลางแจ้งที่ชั้นบนของ Stadtrundfahrt เพราะด้านบนของรถท่องเที่ยวจะไม่มีหลังคา เหมาะกับวันที่อากาศดีและอบอุ่น)
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มีเวลาทัวร์รอบเมืองแค่ครึ่งวัน ไม่เน้นลงไปถ่ายรูปอย่างละเอียด ฉันแนะนำบัสสาย 100 มากกว่า ส่วนถ้าใครใคร่ทัวร์เต็มวัน บอกเลยว่าจุดใหญ่ๆ สำคัญๆ เดินชิลๆ ถึงกันได้รอบ
ด้วยเหตุนี้ ไหนๆ ตั๋วเดือนก็ยังไม่หมดอายุ ฉันจึงขอทัวร์รถบัสสาย 100 เป็นที่ระลึกก่อนบ๊ายบายเบอร์ลินก็แล้วกัน Continue reading
หลังจากแยกกับคุณพี่สาวและน้อง N ฉันก็เข้าไปเก็บของในโฮสเทล
เนื่องจากแสงแดดยังไม่หมด เวลาสี่โมงเย็น ถ้าเป็นที่เมืองไทยหรือในยุโรปช่วงปลายปี คงเที่ยวที่อื่นต่อไม่ได้นอกจากเที่ยวกลางคืน แต่ฤดูใบไม้ผลิย่างเข้าฤดูร้อน กว่าจะถึงกลางคืนก็ตอน 4 ทุ่ม ดังนั้นฉันจึงขอแผนที่ท่องเที่ยวจากโรงแรมเพื่อเที่ยวต่อ
ก่อนจะเข้าเรื่องเที่ยวของฉัน จริงๆ แล้วถ้าเริ่มฉายเดี่ยวตั้งแต่ตอนเช้า ที่โคเปนฮาเกนเขาก็มีทัวร์แบบที่น่าสนใจเหมือนกันนะ
นั่นคือ Free Walking Tour เป็นทัวร์เดินเที่ยวโดยมีไกด์อาสาที่พูดภาษาอังกฤษให้ข้อมูล โดย “ไม่เสียค่าใช้จ่าย” (แต่ต้องให้ทิปรึเปล่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ)
ทัวร์นี้เหมาะสำหรับคนที่อยากแลกเปลี่ยนกับคนเดนมาร์คและนักท่องเที่ยวด้วยกัน นอกจากได้เที่ยวเป็นหมู่คณะแล้วยังได้เพื่อนใหม่หลายเชื้อชาติอีกด้วย โดยเฉพาะคนที่อยากพูดคุยกับหนุ่มสาวเอ๊าะๆ ของที่นี่ (คิดเอาเองว่าไกด์น่าจะเป็นวัยรุ่นที่อยากทำงานท่องเที่ยวและฝึกภาษา)
คราวนี้ฉันไม่ได้เข้าร่วม แต่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ที่คิดจะแบ็คแพ็คไปที่โคเปนฮาเกน
รายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ในเว็บเพจของทัวร์เลยค่ะ
ฉันคิดว่าน่าสนใจเหมือนกันนะ และถ้าไปโคเปนฮาเกนอีกคราวหน้า ต่อให้เป็นสถานที่ที่ฉันเคยไปมาแล้ว ฉันก็อยากจะลองเข้าร่วมดู น่าจะเป็น 3 ชั่วโมงที่ได้อะไรใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมีทัวร์ฟรีอื่นๆ อีกด้วย ลองเช็คดูตามลิงค์เลยค่ะ
http://www.copenhagenfreewalkingtours.dk/
+++ ไม่รู้เมืองไทยมีแบบนี้รึเปล่าเนอะ องค์กรเยาวชนไกด์จิตอาสา ที่ไม่ใช่แค่เปิดโอกาสให้เยาวชนทดลองเป็นไกด์ แต่ยังได้ฝึกภาษาและได้แลกเปลี่ยนกับชาวต่างชาติ ทั้งยังได้เรียนรู้และฝึกฝนตัวเองอีกด้วย
ฉันเลือกจุดหมายปลายทางต่อไป แล้วเดินไปตามแผนที่
กระนั้น ถนนในเมือง Malmö ก็ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร เดินง่าย และบรรยากาศดีตลอดทาง
ฉันเดินออกมายังด้านที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวก่อน
ตั้งใจว่าจะไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่
ฉันไม่ได้สนใจงานศิลปะสมัยใหม่เท่าไหร่นัก แต่ตัวตึกน่ารัก อีกทั้งเป็นอีกจุดแนะนำที่อยู่ในแผนที่ เลยจะไปดูเฉยๆ
19 พ.ค. 2014
ครึ่งวันสุดท้ายที่จะอยู่ในเชค
พวกเราไม่ได้ไปไหนไกล อยู่แค่ในปราค
น้อง M เสนอว่าจะไป Mucha Museum ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ยังไง จนกระทั่งไปถึงจึงได้ถึงบางอ้อ เพราะจริงๆ แล้วผลงานของมูคาเป็นที่คุ้นตาหลายชิ้น รวมถึงทรงอิทธิพลต่อนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นหลายคนทีเดียว
พวกเราต้องทำเวลากันเล็กน้อย เพราะต้องกลับมาให้ทันรถไฟ เพื่อกลับเบอร์ลิน
โชคดีที่ระยะทางจากโรงแรมไปพิพิธภัณฑ์ห่างกันราวเดิน 15 นาทีถึง
เป็นโซนที่ฉันไม่เคยเดินมาก่อนตอนที่มาครั้งแรก
14 พ.ค. 2014
ตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ที่มีร่องรอยของกำแพงเบอร์ลิน
บวกกับคุณ C. พูดถึง East Side Gallery หลังจากฉันกลับจากโรงเรียนเมื่อคืนนี้
จึงคิดว่าที่นี่แหละ โชคชะตาพาให้ฉันต้องมา
และฉันก็มา
ฉันนั่ง U1 มาลงที่สถานี U Schlesisches Tor แล้วเดินต่อไปอีกราว 10 นาที
มีอีกทางหนึ่งที่มาถึงได้ นั่นคือ S5, S7, S75 มาลงที่ S Ostbahnhof ใกล้กว่ามาก
แต่ถ้าลง U Schlesisches Tor จะได้เดินผ่านสะพาน Oberbaumbrücke ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของเบอร์ลินเช่นกัน Continue reading
neorosification 