แล้วพวกเราก็เดินข้ามสะพานไปยังฝั่ง Neustadt (เมืองใหม่)
#เอ็นทรีสาดรูป
Augustus II. der Starke หรือ กษัตริย์เอากุสตุสที่สองจอมพลัง เป็นกษัตริย์ผู้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เดรสเดนกลายเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองในด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและการศึกษา
เอากุสตุสที่สองจอมพลังเป็นฉายาที่มาจากพลังกายที่แข็งแกร่ง ว่ากันว่า พระองค์แข็งแรงขนาดหักเกือกม้าด้วยมือเปล่าได้
พระองค์ได้รับเลือกเป็นกษัตริย์แห่งโปแลนด์ถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการครองราชย์
ตึกที่อยู่อาศัยบริเวณนี้ทำออกมาได้สวยงามเป็นระเบียบมาก ถึงตึกจะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม แต่รูปทรงทันสมัย และใช้สีสันแบ่งตึกต่างๆ ดูเป้นระเบียบเรียบร้อยสบายตา และยังปลูกต้นไม้อย่างสวยงามอีกด้วย
ฉันไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะเห็นว่าเป็นบ้านคน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจิตสำนึกต่อความงามในภาพรวมของคนสร้างตึกสร้างอาคารในยุโรปจะมีสูงมาก หรือควรจะบอกว่าการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในแง่ของทัศนยภาพ รวมถึงรสนิยมในการก่อสร้างด้วย
ถ้าเป็นเมืองไทย คนคงทวงสิทธิในการก่อสร้างเพื่อรสนิยมหรือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองก่อน อยากสร้างอยากแต่งอะไรก็ทำ หรืออยากปล่อยให้เสื่อมโทรมก็ไม่สนใจ ไม่ได้คิดถึงภาพรวมและความเดือดร้อน หรือความสบายตาสบายใจของคนอื่นเท่าไหร่
ขามาเดินเล่นบนสะพานแล้ว ขากลับแวะเดินเลียบแม่น้ำบ้าง…
Japanisches Palais ชื่อเป็นญี่ปุ่นทั้งที่อาคารไม่ได้เกี่ยวอะไรกับญี่ปุ่นเลย แต่เดิมทีถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บงานถ้วยชามกระเบื้องเคลือบของญี่ปุ่น แต่เอาเข้าจริง ดันกลายเป็นห้องสมุดแทน
ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาแห่งเดรสเดนไปเรียบร้อยค่ะ
เราเดินกลับทางสะพาน Marienbrücke ค่ะ
หลังจากขึ้นรถแล้ว เราก็ได้ที่นั่งชั้นสองด้านหน้า วิวพาโนรามาเช่นเคย ฮุฮิ
คราวนี้ไม่ได้แวะเที่ยวปราสาทหลายๆ ที่ แต่มันอยู่ห่างออกไปค่ะ เที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับคงเอาไม่อยู่ ดังนั้นถ้ามีโอกาสมาอีกจะถ่อไปแล้วกัน
ขอจบด้วยรูปเบอร์ลินยามค่ำคืน