Wrocław 1

23 พ.ค. 2014

เดินทางกับน้อง M อีกทริป ไปสู่ประเทศโปแลนด์

คราวนี้เราออกจากเบอร์ลินกันแต่เช้า นั่งรถบัสของ Deutsche Bahn ไปยัง Wrocław (น่าจะออกเสียงว่า /ฟ-รอตซ-วาฟ/)

ดูเหมือน Deutsche Bahn เพิ่งทำกิจการรถบัสระหว่างประเทศได้ไม่นาน ดังนั้นรถจึงใหม่ และผู้โดยสารน้อยมาก (คงเพราะคนยังไม่ค่อยรู้) และมาคราวนี้ น้อง M บอกว่าได้ลดราคามาอีกต่างหาก ดีจัง

รถบัสแล่นไปตาม Autobahn มาอย่างราบรื่นตลอดทาง จนกระทั่งสุดเขตชายแดนเยอรมนี คนขับรถประกาศว่า “สุดเขตเยอรมนีแล้ว” เท่านั้นแหละ นึกว่านั่งอยู่บนรถไฟในประเทศไทยทันที

ถนนสิคะ… ตอนอยู่ในเยอรมนีหลับได้สบายอารมณ์ แต่พอเข้าสู่โปแลนด์เท่านั้นแหละ รถเขย่าตลอดทางราวกับนั่งม้าโยก

มองออกไปก็ใช่ว่าถนนจะเป็นหลุมเป็นบ่อ พื้นผิวดูเรียบไร้รอยต่อ ไม่มีการสึกหรอแต่อย่างใด แต่ที่ต่างกันคงจะเป็นคุณภาพของการจัดการผิวหน้าถนนกระมัง

แค่อธิบายให้เห็นความแตกต่าง ถ้าเป็นเมืองไทยคงจะยิ่งสะเทือนเลื่อนลั่นยิ่งกว่าถนนโปแลนด์

สองข้างทางหลังเข้าสู่โปแลนด์

เริ่มเข้าเขตเมืองแล้ว ผู้คนยืนรอรถรางโดยสาร

บ้านเรือนแถบชานเมือง

ตึกมหาวิทยาลัย

เราลงจากรถที่ท่ารถ Wrocław ราวเที่ยงวันได้ จากนั้นเดินต่อไปอีกไกลโข เพื่อเช็คอินที่โรงแรมและทิ้งสัมภาระก่อนตระเวณเที่ยว

ลากกระเป๋าเดินไปยังโรงแรมซึ่งห่างจากท่ารถเป็นกิโล #อึดกันมาก บริเวณนี้น่าจะเป็นย่านหางสรรพสินค้า

แถบนี้น้อง M บอกว่าเหมือนย่านหนึ่งในเบอร์ลินเป๊ะๆ เลย

ตึกตรงนี้เคยเห็นในฝันก่อนมาโปแลนด์ แอบตกใจนิดหน่อย ตอนฝันก็ไม่รู้ด้วยว่าเป็นโปแลนด์

หนทางยาวไกล เดินเล่นไปเรื่อยๆ

แดดอุ่นสบาย

มีอุโมงค์ใหญ่ข้ามถนน

ไปโผล่อีกโลก เอ๊ย อีกย่านหนึ่ง ขอต้อนรับเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว

มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตฟรีทั่วเมือง แต่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ว่าการเมือง (เก่า)

มาคราวนี้แอบเสียดาย ที่ด้านหน้ากำลังเตรียมงานสำหรับอิเวนต์บางอย่าง จึงไม่ได้ภาพของตัวอาคารแบบเต็มๆ

เราแวะ Tourist Information เพื่อขอแผนที่และคำแนะนำในการเที่ยว รวมถึงร้านอาหาร พนักงานที่นี่อัธยาศัยดีมาก พูดภาษาอังกฤษเก่ง ได้แนะนำร้านอาหารร้านหนึ่งให้เรา อยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัย

หลังจากเข้าเช็คอินโรงแรม วางสัมภาระเรียบร้อย เราจึงออกมาหาของกินก่อนเดินเที่ยว

รีบรุดไปยังร้านอาหาร

ไม่ใช่ร้านนี้ แต่หน้าร้านนี้สีเจ็บแสบมาก มีแมลงปอยักษ์เกาะด้วย

ร้านที่ได้รับการแนะนำมีชื่อว่า Bazylia มีลักษณะเหมือนแคนทีนมากกว่าร้านอาหาร มีนักท่องเที่ยวมาอุดหนุนเยอะพอสมควร แต่คิดว่าลูกค้าหลักน่าจะเป็นนักศึกษามากกว่า

ร้านอยู่ที่ตึกด้านขวา มีโต๊ะอาหารทั้งในร้านและนอกร้าน

อาหารเป็นแบบบริการตัวเอง (แต่ไม่บุฟเฟ่) จ่ายตามน้ำหนัก ตักเท่าไหร่ก็ได้ (แต่แค่จานก็หนักมากแล้ว) อาหารมีหลากหลายปะปนกันไป รสชาติโอเคอยู่ คิดแล้วราคาไม่แพง แต่อย่าคิดว่าไม่แพงเลยตักมาเสียเยอะนะ ถ้าเหลือจะเสียดายเงินน่าดู อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจานซึ่งเป็นน้ำหนักตั้งต้นหนักมาก หากเป็นคนกินเยอะ จานเดียวไม่พอแน่ๆ แนะนำว่าให้ตักเยอะๆ ตั้งแต่รอบแรกไปเลย แต่ถ้าเป็นคนกระเพาะเล็กก็อย่าโลภ เพราะบางอย่างอาจไม่ถูกปากเราด้วย #ไก่อร่อย #มันอร่อย

หลังจากเสร็จสิ้นมื้อบ่าย เราก็ออกเที่ยวโดยเริ่มจากบริเวณนั้น… มหาวิทยาลัย

ด้วยความไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็เดินเข้าไปในตัวตึก แอบสแนปภาพโบสถ์ที่กำลังทำพิธีอยู่

ส่องอยู่ด้านนอกเพราะเข้าไม่ได้ เลยมองลอดกระจกเข้าไป

จากนั้นก็เริ่มหาช่องทางเข้าไปในตัวตึกบริเวณอื่นๆ ด้วยความแน่ใจว่าเราสามารถเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยได้ (จากคำบอกเล่าของ Tourist Information) เราจึงดอดเข้าไปในตึกแม้ว่ามันจะเงียบมากจนผิดสังเกตก็ตาม… กระนั้นเราก็คิดว่าเพราะมันใกล้ปิดแล้วรึเปล่า

แต่หลังจากเราหลุดเข้าไปในตึกได้…

คนที่ทำงานในตึกคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทางการศึกษา อาจารย์ หรืออะไรประมาณนี้) เข้ามาทักเราแล้วถามว่าเข้ามาทำอะไรที่นี่ ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามานะ

ปึ่ง…. #เงิบสิคะ

เราเลยถามเจ้าหน้าที่ด้านหน้าตึกว่าแล้วเราจะเที่ยวได้ที่ไหน

เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ที่นี่ไม่ได้มีไว้ดู เป็นที่ทำงาน คุณเที่ยวได้ที่ตึกข้างๆ เดินออกไปอยู่ทางด้านขวา รีบไปนะ กำลังจะปิดแล้ว… เป็นการไล่อย่างสุภาพ

และแล้ว การท่องเที่ยวที่เมืองนี้ก็เริ่มขึ้น…