12 พ.ค. 2014
วันแรกของการเข้าเรียนภาษาเยอรมันที่เบอร์ลิน
ฉันเลือกเรียนที่ DeutschAkademie ด้วย 2 เหตุผล นั่นคือ
- ค่าเรียนถูกกว่าที่อื่นๆ (แถมสาขาเบอร์ลินถูกที่สุดด้วย)
- ฉันเคยเรียนโรงเรียนนี้ แต่เป็นที่มิวนิค จึงรู้สึกคุ้นเคยและไว้วางใจ
ที่มิวนิคฉันไม่พบปัญหาอะไรเป็นพิเศษกับโรงเรียนภาษาแห่งนี้ นอกจากสัปดาห์แรกคุณครูสามารถพูดภาษาสเปนและอิตาเลียนได้อย่างเชี่ยวชาญ จึงสนิทสนมกับนักเรียนสเปนและอิตาลีเป็นพิเศษ เวลาที่ฉันถูกเพื่อนสเปนหรืออิตาเลียนพูดแทรก แล้วดึงออกนอกเรื่อง จึงรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งอย่างบอกไม่ถูก เหมือนฉัน (รวมถึงเพื่อนญี่ปุ่นอีกคน) ตอบคำถามหรือแสดงออกอะไรด้วยคำพูดก็ไม่เป็นที่สนใจ ผิดกับนักเรียนสเปนและอิตาเลียน ทั้งยังถูกตัดสินด้วยความผิดพลาดแบบง่ายๆ ว่า “คนเอเชียมีจุดอ่อนอย่างนั้น” “คนเอเชียต้องปรับปรุงอย่างนี้” ฉันยอมรับในข้อผิดพลาดนั้น แต่บางเรื่องก็เป็นสิ่งที่บังเอิญผิด หรืออาจผิดครั้งแรกทั้งที่ไม่เคยผิดมาก่อน ทำให้รู้สึกรำคาญนิดหน่อยเวลาถูกเหมาว่านั่นเป็นจุดอ่อนของ “คนเอเชีย”
ในความรู้สึกของฉัน คนเอเชียมีหลากหลายเชื้อชาติ ลักษณะภาษาก็หลากหลาย ข้อผิดพลาดก็ไม่เหมือนกัน ขนาดในยุโรปยังไม่เหมือนกัน จึงไม่ควรเอาสถิติหรือทฤษฎีมาเหมารวมนักเรียนแบบเฉพาะตัว แต่ฉันก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร ถ้าเตือนมาก็ระวังในคราวต่อไป แค่หมดกำลังใจในการเข้าห้องเรียนนิดหน่อย
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ต่อมา คุณครูคนแรกป่วย คุณครูคนที่สองมาสอนแทน และเป็นคุณครูที่ไม่รู้ภาษาอื่นเลยนอกจากเยอรมัน แม้แต่ภาษาอังกฤษคุณครูก็บอกว่าไม่เก่ง แต่คุณครูจัดการห้องเรียนเก่งมาก ฉันได้พูดมากขึ้น มีการแลกเปลี่ยนในห้องเรียนมากขึ้น ถ้าฉันเงียบ ครูจะถามให้ตอบ และสนใจนักเรียนแต่ละประเทศอย่างเท่าเทียม (ในความรู้สึกของฉัน)
ฉันจึงคิดว่าไม่ควรเอาบรรยากาศในห้องเรียนมาตัดสินทั้งโรงเรียน เพราะห้องเรียนคือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งครูและนักเรียน ส่วนในเรื่องการจัดการของโรงเรียน ที่มิวนิคค่อนข้างโอเค ฉันจึงไว้ใจ DeutschAkademie อีกครั้ง
และฉันก็พบว่าที่สาขาเบอร์ลิน ดีกว่าสาขามิวนิคมาก ทางโรงเรียนตอบอีเมลรวดเร็ว และตามเรื่องให้ตลอด โดยเฉพาะฉันจองคอร์สเรียนพร้อมที่พักไป ก็ได้รับการตอบรับที่ชัดเจนและค่อนข้างทันที
วันที่ 2-3 ของการเรียน เจ้าหน้าที่นำเอกสารแนะนำการท่องเที่ยวมาให้ฉัน พร้อมกับแผนที่รถไฟในเบอร์ลิน ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยวมากทีเดียว
โรงเรียนของฉันมี 2 แห่งในเบอร์ลิน แต่ฉันได้มาเรียนที่ Wittenbergplatz
ย่านนี้เป็นย่านที่สะดวกสบายมาก มีห้างใหญ่ KaDeWe มีร้านค้าทั้งแบรนด์เนมและของใช้ทั่วไป แถมยังใกล้กับหอพักของน้อง M (เอาเข้าจริงฉันก็ติดเที่ยว ไม่ค่อยได้ไปรบกวนน้อง M บ่อยนัก แต่ก็รู้สึกอุ่นใจที่มีคนรู้จักอยู่ใกล้ที่เรียน รู้สึกคุ้นเคยกับย่านนั้นมากๆ)
คุณครูของฉันเป็นคนน่ารักมาก เธอมีโครงหน้าละม้ายคล้ายเพื่อนสนิทชาวเยอรมันที่อยู่มิวนิค (แถมชื่อยังเหมือนกัน แค่สะกดต่างกัน) แต่ไม่เหมือนกันหรอกนะ ดูๆ เหมือนเป็นญาติกันมากกว่า เธอตลกและมีรอยยิ้มตลอดเวลา ทำให้ห้องเรียนไม่เครียดจนเกินไป
เพื่อนในห้องเรียนไม่มีคนไทยเลย แต่มีสเปน 3 คน อิตาเลียน 1 คน เกาหลี 1 คน ฝรั่งเศส 1 คน และจอร์เจีย 3 คน
กระนั้น เพื่อนสเปนและอีตาเลียนก็ไม่ได้พูดน้ำไหลไฟดับเหมือนตอนอยู่มิวนิค มารยาทในการฟังดีมาก (หรือเพราะเป็นคอร์สค่ำ แต่ละคนเลยพลังหมด)
ทั้งห้อง มีฉันคนเดียวที่มาเบอร์ลินแบบชั่วคราว นอกนั้นทุกคนถ้าไม่ทำงานก็เรียนอยู่ที่เบอร์ลินมาไม่ต่ำกว่า 2 ปีแล้ว
ห้องเรียนสนุกมาก เมื่อมีคนพูดผิด คุณครูนี่แหละ จะล้อเลียนให้ได้หัวเราะกันทั้งห้องก่อนเลย แล้วจึงแก้ให้ถูกให้
ทำให้บรรยากาศห้องมีแต่เสียงหัวเราะ และจำสิ่งที่ผิดได้
ฉันชอบการมาเรียนต่างประเทศ เพราะได้เจอคนด้วย ได้แลกเปลี่ยน ได้สนทนาจริงจัง ไม่ใช่แค่เยี่ยมชมสถานที่เพียงอย่างเดียว
และฉันถูกใจมากที่โรงเรียนมีรอบค่ำ (18-21:00) เพราะตอนกลางวันฉันจะไปเที่ยว
แรกๆ ฉันก็กังวลเรื่องกลับบ้านดึกเหมือนกัน เพราะก่อนมาฉันไม่รู้เลยว่าที่พักจะเป็นอย่างไร
แต่ความกังวลก็หายไป เมื่อพบว่า ช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ-ต้นฤดูร้อนของประเทศเขตอบอุ่น เวลากลางวันยาวมาก มากกกกกจนอดคิดไม่ได้ว่ายาวไปไหม
ฟ้าสว่างตั้งแต่ตี 4 กว่าจะมืดสนิทก็ 4 ทุ่ม
ความทรมานอยู่ตรงที่ เวลาหลับน้อย เพราะพอฟ้าสว่างก็ตื่นเองโดยที่ยังนอนไม่อิ่ม พอนอนต่อก็ตื่นสาย
แต่ข้อดีก็คือ เวลาเที่ยวเยอะ และเดินกลับบ้านก็ยังสว่าง ไม่รู้สึกน่ากลัวแต่อย่างใด
ต่างจากช่วงหลังตุลาคมที่ 4 โมงเย็นก็เริ่มโพล้เพล้
บางทีก็สับสนเหมือนกัน เพราะ 5 โมงเย็นแดดเหมือนบ่าย 2 หรือ 2 ทุ่มเหมือนเพิ่ง 6 โมงเย็น
แต่ถ้าใครมาเที่ยวยุโรปช่วงนี้ล่ะก็ ในแง่เวลาเที่ยวคุ้ม และอากาศก็ดี (แม้จะมีฝนเป็นบางวัน)
หนาวเฉพาะวันฝนตก นอกนั้นเย็นสบาย มีร้อนบ้าง แต่ก็ไม่ร้อนจัดเหมือนเมืองไทย
กระนั้น ต้องระวังผิว เพราะแดดที่นี่ดำง่ายกว่าแดดเมืองไทยเยอะ แถมไม่แสบร้อนแบบแดดไทย ออกกลางแจ้งแค่วันเดียวก็โดนเผาแบบไม่รู้ตัวไปเรียบร้อย
คนที่นี่ไม่ถือร่มกันแดดด้วย กันฝนกันอย่างเดียว เพราะคนชอบแดดมาก
ฉันก็ชอบแดดที่นี่ เพราะวันที่มีแดดท้องฟ้าสวยมาก ทั้งที่เป็นสีฟ้าเหมือนกัน แต่ความฟ้าไม่เหมือนกัน บอกไม่ถูกว่าต่างกันยังไง แต่ต่างมาก