หลังจากเงิบกับ “มหาวิทยาลัย” ไปรอบหนึ่ง
เราจึงได้เข้า “มหาวิทยาลัย” ที่เข้าไปเที่ยวได้จริงๆ เสียที
ที่นี่มีชื่อว่า Muzeum Uniwersytetu Wrocławskiego ซึ่งมันก็คือ University of Wrocław แต่มิใช่มหาวิทยาลัยแต่อย่างใด… อะโด่
อันที่จริงตึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Uniwersytet Wrocławski หรือมหาวิทยาลัยวรอตซลาฟค่ะ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีมา 300 ปีแล้ว ถือว่เป็นตึกเก่าแก่ และปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ค่ะ ส่วนตัวมหาวิทยาลัยที่เรียนกันจริงๆ นั้นอยู่คนละตึก… น่าจะเป็นตึกที่พวกเราเข้าไปกันผิดนั่นแหละ
ตอนแรกก็นึกว่าจะเหมือนธรรมศาสตร์ที่บุคคลภายนอกเข้าไปในเขตมหาวิทยาลัยได้ ตอนสมัยที่ฉันเรียนมีนักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปกันตรึม… แต่ไม่ใช่ในอาคารเรียนนะ อย่างมากก็นั่งพักกินน้ำใต้ถุนตึก
แน่นอนค่ะว่าจำเป็นต้องซื้อบัตรเข้าชม
ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ Oratorium Marianum, Sala im. Longchamps, Aula Leopodina และ Wieży Matematyczna
เราไม่ได้ซื้อตั๋วแบบดูทั้งหมด เพราะเวลามีจำกัด พิพิธภัณฑ์ก็ใกล้ปิดแล้วด้วย
ตอนแรกเราเลือกเข้า Oratorium Marianum และ Aula Leopodina แต่ในบัตรติ๊กว่า Aula Leopodina และ Wieży Matematyczna
ตอนโผล่หน้าไป Oratorium Marianum ถึงกับเงิบรอบสอง เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ใช่ตรงนี้ ต้องขึ้นไปชั้นบน เราก็บอกว่าแราซื้อบัตรมาตรงนี้ แต่เจ้าหน้าที่ดูบัตรแล้วบอกว่าไม่ใช่ คุณขึ้นไปดูข้างบนดีกว่า ตรงนี้เป็นแค่โครงสร้างอาคารเท่านั้น (แต่แอบเห็นนะ ก็สวยเหมือนกันนี่นา)
เราก็เลยตามเลย ขึ้นไปชั้นบน เริ่มจาก Aula Leopodina ก่อน
ที่นี่เป็นห้องโถงสไตล์บาโรคที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงต่างๆ แม้แต่วันที่เราไปก็มีคอนเสิร์ตเล่นตอนกลางคืน ดังนั้นจึงไม่ได้ถ่ายรูปอย่างเต็มที่เท่าไหร่ เพราะคณะดนตรีเตรียมตัวกันอยู่ตรงด้านหน้า แต่เราได้หย่อนก้นนั่งฟังเพลงตอนเขาซ้อมกันครู่หนึ่งเป็นการทดแทน เป็นการแสดงที่เชิญนักร้องชาวญี่ปุ่นขึ้นมาร้องด้วย ตอนแรกก็แอบแปลกใจอยู่เล็กน้อย เพราะฉันรู้สึกว่าที่โปแลนด์แทบไม่มีคนเอเชีย แม้แต่นักท่องเที่ยวก็แทบไม่เห็น แต่ก็คิดว่าน่าจะมีคนญี่ปุ่นที่ชื่นชอบและมาอยู่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่โปแลนด์พอสมควร
อ้อ… จริงสิ ระหว่างเดินเที่ยวมีเด็กท้องถิ่นส่งเสียงทักพวกเราว่า “คอนนิจิวะ” ด้วย ฉันเลยหันกลับไปแล้วทัก “คอนนิจิวะ” ตอบ เด็กดูงงๆ เพราะน้อง M หน้าดูเป็นญี่ปุ่นมากกว่าฉัน ส่วนฉันก็เที่ยวจัด ตัวดำได้ที่ เด็กคงตั้งใจจะทักน้อง M มากกว่า แต่ขนาดเด็กโปแลนด์ตัวเล็กนิดเดียว (น่าจะ 10 ขวบ) ยังรู้จักทักนักท่องเที่ยวเป็นภาษาญี่ปุ่น แอบทึ่งอยู่นิดๆ แฮะ
แล้วก็คิดถึงเพื่อนชาวโปแลนด์ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย รายนั้นก็แต่งงานกับเพื่อนอีกคนชาวญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันลงหลักปักฐานอยู่ที่ญี่ปุ่น มีลูกที่น่ารักแล้ว 2 หน่อ… ซะงั้น
ปล. ฉันรู้สึกว่า 80% ของหนุ่มๆ โปแลนด์ที่เดินสวนกันตามท้องถนน หน้าละม้ายคล้ายเพื่อนฉันไปหมดเลย และเป็นโครงหน้าที่หาที่อื่นในยุโรปไม่ค่อยได้ด้วยนะ มีเอกลักษณ์มาก
หลังจากนั้นเราก็เดินขึ้นบันไดต่อไปยัง Wieży Matematyczna หรือหอคอยคณิตศาตร์ เพื่อชมวิวเมืองวรอตซลาฟจากที่สูง
หลังจากชมวิวเสร็จก็เดินลงมา คุณลุงพนักงานที่เฝ้าโซนหอคอยคณิตศาสตร์เอ่ยทักขึ้นมาว่า “กราเซีย” อุ๊ยตาย… คราวนี้ถูกเข้าใจว่าเป็นคนทางยุโรปใต้หรืออเมริกาใต้แฮะ ฉันแค่ผิวแทนขึ้นประมาณ 2 ระดับเองนะ (แต่อยู่ที่นู่นผิวแทนสวย ดีใจมากๆ ทำไมแดดเมืองไทยถึงไม่ช่วยให้แทนได้แบบนี้นะ ตากแดดทีไรเขียวทุกที สีผิวดูเน่า)
ที่วรอตซลาฟจะมีตุ๊กตาจิ๋วอยู่ตามมุมต่างๆ บนท้องถนน ไม่รู้เหมือนกันว่ามีทั้งหมดกี่ตัว แต่ต้องสังเกตดีๆ ไม่งั้นจะพลาด
ตอนถ่ายรูปข้างบนนี้ พยายามสูงมาก ทำยังไงจะถ่ายกับลุงได้ ขณะนั้นตรงน้ำพุ มีหนุ่มหล่อคนหนึ่งกำลังเล็งกล้องซึ่งเป็นกล้องซูเปอร์โปรสุดๆ ฉันแอบนินทากับน้อง M เป็นภาษาไทยว่า อุ๊ยตาย คนนี้หล่อจัง จากนั้นฉันก็ปลุกปล้ำอยู่กับกล้องไม่ได้สนใจสายตาใครเพื่อจะถ่ายกับคุณลุงคนนี้ หนุ่มหล่อคนนั้นคงหันมามอง น้อง M ก็บอกว่า พี่ หนุ่มหล่อของพี่หันมาหัวเราะด้วย… ถึงเพิ่งรู้สึกตัวและอายขึ้นมานิดหน่อย แต่แคร์มั้ย? ไม่… ฉันมาที่นี่แค่หนเดียวนี่นา